คำตอบจากฝ่ายที่ตกเป็นจำเลยนอกจากสายตาที่แสดงถึงความสับสนงุนงงฉายชัด
"๓3โ]0โ3๓ มันมึฤทธกล่อมประสาท ถ้าร่างกายได้รับในปริมาณมากมันก็เกิด อันตรายทำให้หัวใจวายได้ ซึ่งมันตรงกับอาการของคุณป้าตอนที่เสีย"
กาชะลองนิ่งอึ้ง สับสนงุนงงถึงที่สุด กา8โ]0โลกา น่ะหรือจะมีฤทธิรุนแรง ถึงเพียงนี้ คิดไปถึงดิสธร เป็นไปได้หรือที่เขาจะคิดมุ่งร้ายคุณยาย ในเมื่อเขา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรสักอย่าง หญิงสาวนั่งคว้างอยู่บนเตียง ความเจ็บปวด สับสนจากเหตุการณ์หลายอย่างทำให้ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้
แค'จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อคืนหล่อนเผลอหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว ผิดปกติวิสัย พร้อมกับได้กลิ่นดอกปีบกรุ่นกำจายรุนแรง หลังจากนั้นก็ไม่ รับรู้อะไรอีกเลย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด พยายามรื้อฟืน... แว่นตากันแดด
คุณพันธ์รพีมองภาพตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้สุดขีด แม่หลานสาวคน เดียวสมกับเป็นดาราเจ้าบทบาท ตีหน้าซื่อราวกับไม่รู้เรื่องอะไรทั้งๆ ที่ตัวมันเองแท้ๆ เป็นคนลงมือ
คิดไปถึงเรื่องพินัยกรรม เคยเตือนคุณพี่ไปแล้วแต่ก็ไม่เคยเชื่อ แล้วเห็นมั้ย ผลเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ถูกหลานสุดที่รักสนองคุณ พิศมองดูใบหน้าเรียบเฉย ก็แอบเบ้ปากค่อนออกมาดังๆ ■เป็นนักวางแผนดีนี่ สมกับที่เล่นละครมาเยอะ ทำร้ายคุณพี่แล้วก็แกล้งทำเป็นกินยานอนหลับ ไม่รู้เรื่องอะไร*
"คุณยายเล็ก..." เสียงกาซะลองสั่นเครือ อยากจะบอกว่าสิงที่เกิดขึ้นก็ทำให้ หล่อนเจ็บปวดจนรับไม่ไหว กรุณาอย่าทำให้เจ็บปวดมากไปกว่านี้ แต่ก็พูดไม่ออก
"ผมว่าตอนนี้ให้คุณปีบพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ" ศกรแทรกขึ้น ยิ่งเห็น สีหน้าเผือดขาวของกาซะลองก็ยิ่งสงสารอย่างจับจิต เรื่องทั้งหมดหากหล่อนไม่ใชั ผู้กระทำก็น่าเห็นใจ...แต่หากว่าใช่... ผู้กองหนุ่มพูดต่อ "เรื่องทั้งหมดหากมี ข้อสงสัยหรือคิดว่าการตายของคุณปรียางค์ศรีจะเป็นการฆาตกรรม ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะเป็นฝ่ายจัดการเอง" แว่นกันแดด
"อย่านะนายศก!" นายแพทย์สฤษด์คุณเอ่ยขึ้น หน้าที่เคร่งเครียดอยู่แล้วยิ่ง ล่ออาการเครียดได้อย่างชัดเจน แต่ผู้เป็นแม่กลับมีสีหน้าสงสัย คุณพันธุรพีเอ่ย ถามลูกชายอย่างขัดใจ
"คุณยายเล็ก ทำไมถามปีบอย่างนี้คะ"
"ยังจะมาตีหน้าซื่อ ก็แกกับแฟนแกรวมหัวกันทำอะไรคุณพี่ล่ะ"
"อะไรคะน้าฤษด์ ปีบไม่เข้าใจ" หญิงสาวหันไปถามผู้มีศักดิ้เป็นน้า นายแพทย์สฤษด์คุณมีสีหน้าเครียด
"คุณป้าเสีย ผลการตรวจพบปริมาณของยากล่อมประสาทในเส้นเลือดมาก ผิดปกติ"
"คุณยายเสีย" เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ภาพความฝืนฉายชัด ในที่สุด ฝืนร้ายก็กลายเป็นจริง ราวกับทำนบนํ้าตามันพังทลาย หญิงสาวรํ่าไห้จนตัวโยน ศกรมองภาพตรงหน้าด้วยความอดสู ความเสียอกเสียใจที่อีกฝ่ายมีดูเหมือนเขา จะซึมซับได้ไม่ยาก ด้วยเขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กันกับการสูญเสียประมุขของคุ้ม ภูคากาซะลอง
แต่เจ็บปวดยิ่งกว่าตรงที่หญิงสาวที่นอนสะอื้นปานจะขาดใจอยู่ตรงหน้า..-ถูกสงสัยว่าเป็นผู้กระทำ
กาซะลองปวดหนึบที่อก การสูญเสียคุณยายคือความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ แต่ชํ้าร้ายกว่านั้น หล่อนกลับเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายคุณยาย
"ปีบ...ปีบ..:
''ไม่ต้องพูด เสียแรงที่คุณพี่ทั้งรักและไว้ใจ แต่แกกลับทำร้ายคุณพี่ แกกลัว นักใช่มั้ยว่าแกจะไม่ได้มรดก แม่ปีบ" คุณพันธุรพีแทบจะถลันเข้ามาหา ดีที่ ผู้เป็นลูกกระชากฉุดร่างไว้ กาซะลองหน้าซีดเผือด 'แาตาท่วมหน้า หญิงสาวเค้น คำพูดออกมาด้วยหัวใจที่ร้าวราน
"มรดก...นี่คุณยายเล็กคิดว่าปีบทำร้ายคุณยายจริงๆ หรือคะ" แว่นตา
"ก็ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร ในเมื่อผลการตรวจฤทธยากล่อมประสาท
มันมาจากชา ๓8โ]0โ8กา"
"๓3โ](วโ8๓...ชา ๓3โ]0โ8๓ มาเกี่ยวอะไรด้วยคะ"
"ยังจะมาตีหน้าซื่อ" คุณพันธุรพีกรีดร้องจนศกรต้องเป็นฝ่ายติงให้ใจเย็น
ทั้งสงสารและเห็นใจกาซะลอง แต่ ณ นาทีนี้ที่ความจริงยังเป็นเงื่อนงำปริศนา
เขาจำเป็นต้องนี่งสงบ
"นี่ไม่รู้จริงๆ หรือยัยปีบ" นายแพทย์สฤษด์คุณเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ไม่มี
แว่นตา
แว่นกันแดด
วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558
โปรดบุรุษ ที่ชื่อศกรไม่น้อย
ดีนะ ตอนที่เรายังเด็ก เวลาฝนตกทีไรนายศกเป็นต้องป้นจักรยานจากโรงเรียน
มาส่งทู้กที พอโตขึ้นมาฝนตก นายศกก็ยังเป็นคนขี่มอเตอรIซค์มาส่งอีก หรือ ว่าเราจะต้องมีนายศกคอยดูแลไปตลอดนะแม่ปีบ"
ท้ายประโยคกาซะลองรู้ดีว่าคุณยายตั้งใจที่จะยั่วเย้าหล่อนโดยเฉพาะ อยากจะทำปากขมุบขมิบกัดฝายนั้นเสียหน่อยค่าที่สาระแนไม่เลิกตั้งแต่เด็กยันโต แต่ดูเหมือนคุณยายจะไม่สนใจ ท่านพูดต่อเป็นการบอกเล่ากลายๆ ว่าโปรดบุรุษ ที่ชื่อศกรไม่น้อย แว่นตากันแดด
"ยายกั๊ได้นายศกนี่แหละเป็นเพื่อน...อ้อ แล้วก็ยังมีนายฤษด์อีกคน" ท้ายประโยคมีอีกคนเพราะเกรงว่าฝ่ายที่นั่งสนทนาด้วยจะน้อยใจ คุณปรียางค์ศรี หันไปมองผู้มีสักดิ้เป็นน้อง คุณพันธุรพียิ้มอ่อนๆ
"ก็เรามีกันแค่นี้นี่คะคุณพี่ นายฤษด์ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ลูกดิฉันก็หลาน
คุณพี่"
"แต่พูดจริงๆ นะ" นี้าเสียงเริ่มเจือแววเศร้าจนผู้เป็นหลานจับความรู้ถึก ได้ทันที "พี่ไม่อยากให้นายฤษด์มาหาเท่าไหร่ เพราะมาทีไรแปลว่าพี่ต้องเจ็บปวย ทุกที"
ภาพฝืนร้ายผุดขึ้นมาในมโนนึก...คมมีดวาววับ คุณปรียางค์ศรีเลือด ท่วมร่าง แว่นกันแดด
กาซะลองถามอย่างร้อนรน "คุณยาย...นี่คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
เปิดประตูอย่างเงียบกริบเมื่อส่องผ่านฝ็ากระจกจากภายนอกแล้วเห็นผู้เป็น ยายนอนหลับสนิท หญิงสาวจรดฝืเท้าอย่างแผ่วเบาเคลื่อนกายไปหยุดยืนอยู่ ข้างเตียง
ร่างผอมเกร็งหายใจอย่างสมํ่าเสมอภายใต้ผ้าแพรเนื้อนุ่ม ใบหน้าซีดตอบ ปราศจากความมีชีวิตชีวาจนเห็นริ้วรอยของความเหนื่อยล้าได้อย่างชัดเจน เกิดความรู้สืกผิดขึ้นท่วมท้นใจ
นี่หล่อน1เล่อยให้คุณยายอยู่คนเดียวนานเกินไIเหรือเปล่า...นานจนมี เรื่อง■ราวบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่หล่อนไม่รู้
กลับห้องตัวเองด้วยความหม่นเศร้าและนอนไม่หลับอีกเลย จวบจนรุ่งเช้า จึงเคลิ้มหลับไปครู่ มาสะดุ้งตื่นเมื่อรับสัมผัสอ่อนนุ่มที่หน้าผาก แว่นตา
แม้ไม่คุ้นเคยแต่ก็ปลุกให้ตื่นจากภวังค์หลับใหลได้ กาซะลองลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นร่างของสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ หญิงสาวพนมมือไหว้แทบไม่ทัน
"คุณยายเล็ก!"
คุณพันธุรพียิ้มอ่อนหวานขณะรับไหว้หลานสาว ทรุดตัวลงนั่งริมขอบเตียง อย่างถือวิสาสะ
"เมื่อวานคุณพี่โทรไปบอกว่าปีบมาที่นี่แต่ไม่สบาย ยายเลยรีบมาเยี่ยม"
"คุณยายไม่น่าลำบากเลย ปีบแค่รถล้มนิดหน่อย นี่ก็ตั้งใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อน คุณยายซักวันสองวัน แล้วจะแวะไปกราบคุณยายเล็กถึงที่บ้านเลยค่ะ"
"ไม่ต้องหรอกปีบ" คุณพันธุรพีโบกมือว่อน "ช่วงนี้คุณพี่ยิ่งไม่ค่อยสบาย อยู่ด้วย นายฤษด์ต้องแวะเวียนมาดูประจำ ปีบมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยกันดูแล"
"คุณยายเป็นอะไรคะ ไม่เห็นมีใครบอกปีบ"
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...โรคคนแก่น่ะลูก"
"แต่ทีคุณยายเล็กยังดูแข็งแรงอยู่เลยนี่คะ"
คุณพันธุรพีโปรยยิ้ม คำชมนี้Iด้ยินอยู่บ่อยๆ เพราะแม้วัยจะห่างจากคุณ ปรียางค์ศรีไม่ถึงห้าปี แต่ผู้ที่มีสักดี้เป็นน้องกลับดูสดสาวอ่อนวัยกว่ามากมาย ร่าง ระหงบอบบางดูราวกับต้นสีสิบ ทั้งที่ความจริงอีกเพียงปีสองปีเท่านั้นเลขหกก็จะ มาเยือน
ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่กาซะลองถอดแบบมาดูเต็มอิ่ม รอยยิ้มหวานกระจ่าง
แว่นกันแดด
มาส่งทู้กที พอโตขึ้นมาฝนตก นายศกก็ยังเป็นคนขี่มอเตอรIซค์มาส่งอีก หรือ ว่าเราจะต้องมีนายศกคอยดูแลไปตลอดนะแม่ปีบ"
ท้ายประโยคกาซะลองรู้ดีว่าคุณยายตั้งใจที่จะยั่วเย้าหล่อนโดยเฉพาะ อยากจะทำปากขมุบขมิบกัดฝายนั้นเสียหน่อยค่าที่สาระแนไม่เลิกตั้งแต่เด็กยันโต แต่ดูเหมือนคุณยายจะไม่สนใจ ท่านพูดต่อเป็นการบอกเล่ากลายๆ ว่าโปรดบุรุษ ที่ชื่อศกรไม่น้อย แว่นตากันแดด
"ยายกั๊ได้นายศกนี่แหละเป็นเพื่อน...อ้อ แล้วก็ยังมีนายฤษด์อีกคน" ท้ายประโยคมีอีกคนเพราะเกรงว่าฝ่ายที่นั่งสนทนาด้วยจะน้อยใจ คุณปรียางค์ศรี หันไปมองผู้มีสักดิ้เป็นน้อง คุณพันธุรพียิ้มอ่อนๆ
"ก็เรามีกันแค่นี้นี่คะคุณพี่ นายฤษด์ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ลูกดิฉันก็หลาน
คุณพี่"
"แต่พูดจริงๆ นะ" นี้าเสียงเริ่มเจือแววเศร้าจนผู้เป็นหลานจับความรู้ถึก ได้ทันที "พี่ไม่อยากให้นายฤษด์มาหาเท่าไหร่ เพราะมาทีไรแปลว่าพี่ต้องเจ็บปวย ทุกที"
ภาพฝืนร้ายผุดขึ้นมาในมโนนึก...คมมีดวาววับ คุณปรียางค์ศรีเลือด ท่วมร่าง แว่นกันแดด
กาซะลองถามอย่างร้อนรน "คุณยาย...นี่คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
เปิดประตูอย่างเงียบกริบเมื่อส่องผ่านฝ็ากระจกจากภายนอกแล้วเห็นผู้เป็น ยายนอนหลับสนิท หญิงสาวจรดฝืเท้าอย่างแผ่วเบาเคลื่อนกายไปหยุดยืนอยู่ ข้างเตียง
ร่างผอมเกร็งหายใจอย่างสมํ่าเสมอภายใต้ผ้าแพรเนื้อนุ่ม ใบหน้าซีดตอบ ปราศจากความมีชีวิตชีวาจนเห็นริ้วรอยของความเหนื่อยล้าได้อย่างชัดเจน เกิดความรู้สืกผิดขึ้นท่วมท้นใจ
นี่หล่อน1เล่อยให้คุณยายอยู่คนเดียวนานเกินไIเหรือเปล่า...นานจนมี เรื่อง■ราวบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่หล่อนไม่รู้
กลับห้องตัวเองด้วยความหม่นเศร้าและนอนไม่หลับอีกเลย จวบจนรุ่งเช้า จึงเคลิ้มหลับไปครู่ มาสะดุ้งตื่นเมื่อรับสัมผัสอ่อนนุ่มที่หน้าผาก แว่นตา
แม้ไม่คุ้นเคยแต่ก็ปลุกให้ตื่นจากภวังค์หลับใหลได้ กาซะลองลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นร่างของสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ หญิงสาวพนมมือไหว้แทบไม่ทัน
"คุณยายเล็ก!"
คุณพันธุรพียิ้มอ่อนหวานขณะรับไหว้หลานสาว ทรุดตัวลงนั่งริมขอบเตียง อย่างถือวิสาสะ
"เมื่อวานคุณพี่โทรไปบอกว่าปีบมาที่นี่แต่ไม่สบาย ยายเลยรีบมาเยี่ยม"
"คุณยายไม่น่าลำบากเลย ปีบแค่รถล้มนิดหน่อย นี่ก็ตั้งใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อน คุณยายซักวันสองวัน แล้วจะแวะไปกราบคุณยายเล็กถึงที่บ้านเลยค่ะ"
"ไม่ต้องหรอกปีบ" คุณพันธุรพีโบกมือว่อน "ช่วงนี้คุณพี่ยิ่งไม่ค่อยสบาย อยู่ด้วย นายฤษด์ต้องแวะเวียนมาดูประจำ ปีบมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยกันดูแล"
"คุณยายเป็นอะไรคะ ไม่เห็นมีใครบอกปีบ"
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...โรคคนแก่น่ะลูก"
"แต่ทีคุณยายเล็กยังดูแข็งแรงอยู่เลยนี่คะ"
คุณพันธุรพีโปรยยิ้ม คำชมนี้Iด้ยินอยู่บ่อยๆ เพราะแม้วัยจะห่างจากคุณ ปรียางค์ศรีไม่ถึงห้าปี แต่ผู้ที่มีสักดี้เป็นน้องกลับดูสดสาวอ่อนวัยกว่ามากมาย ร่าง ระหงบอบบางดูราวกับต้นสีสิบ ทั้งที่ความจริงอีกเพียงปีสองปีเท่านั้นเลขหกก็จะ มาเยือน
ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่กาซะลองถอดแบบมาดูเต็มอิ่ม รอยยิ้มหวานกระจ่าง
แว่นกันแดด
ปีบเป็นห่วงคุณยายค่ะ
"เป็นอะไรไปลูก ถามซะน่ากลัว อย่างนี้เดี๋ยวคุณยายก็หัวใจวายตายเสีย ก่อนเท่านั้นเอง...นะคะคุณพี่"
คุณพันธุรพีติง ริมฝิปากแย้มยิ้มอย่างเอ็นดู แต่ดวงตาเฉียบคมมองมา อย่างตำหนิหน่อยๆ กาซะลองจึงได้สติ
มันเป็นแค่ความฝืน มันไม่ใช่ความจริง
"ปีบเป็นห่วงคุณยายค่ะ" แว่นตากันแดด
"ถ้าห่วงกั๊กลับมาอยู่นี่เลยดีมั้ยลูก กลับมาอยู่กับยาย"
หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบ มองผู้เป็นยายอย่างเกรงใจ คุณปรียางค์ศรีมอง หลานสาวอย่างแสนรัก
"ยายรู้ว่าปีบยังติดงานอยู่ เอาเถอะ ถ้าเบื่องานนักสดงนักแสดงอะไรนั่น เมื่อไหร่ค่อยกลับมา"
"แต่...ปีบรักและเป็นห่วงคุณยายมากนะคะ"
ผู้เป็นยายแย้มยิ้มอย่างพึงใจ 1ม่เสียแรงที่รักใคร่เลี้,ยงดูกันมา สำหรับ ผู้เป็นยาย กาซะลองยังเป็นหลานที่น่ารักเสมอ
ดวงหน้าเรียว ตาคม จมูกโด่งถอดแบบมาจากคุณบดินทร์ผู้เป็นพ่อที่มี
มักระบายอยู่บนสีหน้าเป็นนิจ ดูราวกับเจ้าตัวไม่เคยพานพบความทุกข1ศกใดๆ
"ปีบกั๊รู้ว่าพี่ใหญ่ไม่ชอบออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน คนแก่นี่ลูก อยู่เฉยๆ ไม่ดีนักหรอก อย่างยายยังต้องคอยออกงานอยู่ปอยๆ" แว่นกันแดด
ข้อนี้กาซะลองพอรู้ เพราะข่าวต่างๆ ของคุณพันธุรพีปรากฎอยู่ตามหน้า นิตยสารบ่อยๆ บางงานยังเคยเจอะเจอกับหล่อนที่กรุงเทพฯ ด้วยซา
ผิดกับคุณปรียางค์ศรีที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน 'คุ้มภูคากาซะลอง' ที่ แวดล้อมด้วยปาเขาลำเนาไพร ธรรมชาติที่ห่างไกลจากผู้คน ด้วยเหตุนี้เมื่อหล่อน เลือกที่จะประกอบอาชีพในแวดวงบันเทิงจึงดูห่างเหินจากผู้เป็นยายไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่หลังจากสินบุญผู้บังเกิดเกล้าจากอุบัติเหตุก็มีแต่ท่านเท่านั้นที่คอยดูแล แว่นตา
หญิงสาวออกมานั่งรับลมที่ระเบียง รอจนคุณปรียางค์ศรีตื่นจึงเข้าไปพบ พร้อมกับคุณพันธุรพี
"ปีบ...เป็นยังไงบ้างลูก" นี้าเสียงบอกถึงความห่วงใยไม่เคยห่างหาย พลอยทำให้คนฟังแทบจะนี้าตาปริ่ม ดูเอาเถิด ขนาดพัวท่านเองก็เจ็บปวยกาย ยังมีแก่ใจมาถามหล่อน
"ปีบคิดถึงคุณยายค่ะ"
คุณปรียางค์ศรียิ้มอ่อนหวาน อ้าแขนออกรับร่างบอบบางที่เข้ามาซุกใน อ้อมกอด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงกาซะลองหรีอกาซะลอง ดาราโด่งดังคับฟ้า...ดอกปีบ ก็ยังเป็นหลานรักของหล่อนดังเดิม
"จะมาก็ไม่บอก ยายจะได้ให้คนไปรับ"
"ปีบอยากมาเชอรั้ไพรส์คุณยายค่ะ"
"แล้วเป็นไงล่ะ เชอรIพรสัจนได้เรื่อง" นาเสียงสัพยอกเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด กาชะลองยิ้มแหย...แต่ต้องรีบหุบเมื่อท่านพูดต่อ "นี่ถ้าไม่ได้นายศกจะเป็นยังไงหือ แม่ปีบ"
คนที่ถูกถามได้แต่อึ้ง ถอนตัวออกจากอ้อมกอดมาตั้งหลัก แต่คุณพันธุรพี
ที่ยืนฟังอยู่นานกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
"นายศก...ผู้กองศกรที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของหนูปีบหรือคะคุณพี่" "ก็จะมีใครเสียอีกล่ะ นอกจากผู้กองศกร ศุภเศรษฐ์ที่เฝ็าแวะเวียนมา
หายายบ่อยๆ นี่ถ้ายายยังสาวๆ อยู่ สงสัยได้เกิดความเข้าใจผิดเป็นแน่...แปลก
แว่นตากันแดด
คุณพันธุรพีติง ริมฝิปากแย้มยิ้มอย่างเอ็นดู แต่ดวงตาเฉียบคมมองมา อย่างตำหนิหน่อยๆ กาซะลองจึงได้สติ
มันเป็นแค่ความฝืน มันไม่ใช่ความจริง
"ปีบเป็นห่วงคุณยายค่ะ" แว่นตากันแดด
"ถ้าห่วงกั๊กลับมาอยู่นี่เลยดีมั้ยลูก กลับมาอยู่กับยาย"
หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบ มองผู้เป็นยายอย่างเกรงใจ คุณปรียางค์ศรีมอง หลานสาวอย่างแสนรัก
"ยายรู้ว่าปีบยังติดงานอยู่ เอาเถอะ ถ้าเบื่องานนักสดงนักแสดงอะไรนั่น เมื่อไหร่ค่อยกลับมา"
"แต่...ปีบรักและเป็นห่วงคุณยายมากนะคะ"
ผู้เป็นยายแย้มยิ้มอย่างพึงใจ 1ม่เสียแรงที่รักใคร่เลี้,ยงดูกันมา สำหรับ ผู้เป็นยาย กาซะลองยังเป็นหลานที่น่ารักเสมอ
ดวงหน้าเรียว ตาคม จมูกโด่งถอดแบบมาจากคุณบดินทร์ผู้เป็นพ่อที่มี
มักระบายอยู่บนสีหน้าเป็นนิจ ดูราวกับเจ้าตัวไม่เคยพานพบความทุกข1ศกใดๆ
"ปีบกั๊รู้ว่าพี่ใหญ่ไม่ชอบออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน คนแก่นี่ลูก อยู่เฉยๆ ไม่ดีนักหรอก อย่างยายยังต้องคอยออกงานอยู่ปอยๆ" แว่นกันแดด
ข้อนี้กาซะลองพอรู้ เพราะข่าวต่างๆ ของคุณพันธุรพีปรากฎอยู่ตามหน้า นิตยสารบ่อยๆ บางงานยังเคยเจอะเจอกับหล่อนที่กรุงเทพฯ ด้วยซา
ผิดกับคุณปรียางค์ศรีที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน 'คุ้มภูคากาซะลอง' ที่ แวดล้อมด้วยปาเขาลำเนาไพร ธรรมชาติที่ห่างไกลจากผู้คน ด้วยเหตุนี้เมื่อหล่อน เลือกที่จะประกอบอาชีพในแวดวงบันเทิงจึงดูห่างเหินจากผู้เป็นยายไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่หลังจากสินบุญผู้บังเกิดเกล้าจากอุบัติเหตุก็มีแต่ท่านเท่านั้นที่คอยดูแล แว่นตา
หญิงสาวออกมานั่งรับลมที่ระเบียง รอจนคุณปรียางค์ศรีตื่นจึงเข้าไปพบ พร้อมกับคุณพันธุรพี
"ปีบ...เป็นยังไงบ้างลูก" นี้าเสียงบอกถึงความห่วงใยไม่เคยห่างหาย พลอยทำให้คนฟังแทบจะนี้าตาปริ่ม ดูเอาเถิด ขนาดพัวท่านเองก็เจ็บปวยกาย ยังมีแก่ใจมาถามหล่อน
"ปีบคิดถึงคุณยายค่ะ"
คุณปรียางค์ศรียิ้มอ่อนหวาน อ้าแขนออกรับร่างบอบบางที่เข้ามาซุกใน อ้อมกอด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงกาซะลองหรีอกาซะลอง ดาราโด่งดังคับฟ้า...ดอกปีบ ก็ยังเป็นหลานรักของหล่อนดังเดิม
"จะมาก็ไม่บอก ยายจะได้ให้คนไปรับ"
"ปีบอยากมาเชอรั้ไพรส์คุณยายค่ะ"
"แล้วเป็นไงล่ะ เชอรIพรสัจนได้เรื่อง" นาเสียงสัพยอกเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด กาชะลองยิ้มแหย...แต่ต้องรีบหุบเมื่อท่านพูดต่อ "นี่ถ้าไม่ได้นายศกจะเป็นยังไงหือ แม่ปีบ"
คนที่ถูกถามได้แต่อึ้ง ถอนตัวออกจากอ้อมกอดมาตั้งหลัก แต่คุณพันธุรพี
ที่ยืนฟังอยู่นานกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
"นายศก...ผู้กองศกรที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของหนูปีบหรือคะคุณพี่" "ก็จะมีใครเสียอีกล่ะ นอกจากผู้กองศกร ศุภเศรษฐ์ที่เฝ็าแวะเวียนมา
หายายบ่อยๆ นี่ถ้ายายยังสาวๆ อยู่ สงสัยได้เกิดความเข้าใจผิดเป็นแน่...แปลก
แว่นตากันแดด
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ท้วมก้าวพ้นออกไปจึงพูดขึ้น
"คุณยายไม่ใช่ผีใช่สางค่ะ เอาเป็นว่าครบร้อยวัน เผาคุณยายเมื่อไร คุณยาย เล็กก็ดำเนินการขายได้เลย ปีบไม่มีป้ญหาค่ะ"
อีกครั้งที่คำสร้อยหน้าซีด ไม่อยากเชื่อว่าสันบุญคุณ1Iรึยางค์ศรีแล้วทุกอย่าง มันจะง่ายดายถึงเพียงนี้ การตัด3นใจของคุณปีบเป็น3งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน มันง่ายเกินไป ทุกอย่างดูเหมือนจะง่ายเกินไป
กาซะลองผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เห็นสีหน้าคนเก่าแก่ของคุณปรียางค์ค่รื หล่อนก็พอจะเดาความรู้สืกออก มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแม้1แต่ตัว หล่อนเองว่าจะมีการขายคุ้มภูคากาชะลอง
"เสร็จงานศพคุณยายแล้ว ฉันจะรับแพรสาไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ว่า จะส่งให้แกเรียนต่อที่นั่น ส่วนป้าคำสร้อยถ้าอยากจะไปอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าไม่ ฉันจะให้เงินสักก้อน ไม่มากไม่มายอะไรหรอก แต่ถ้าไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ป้าก็จะมีเงินไว้ดูแลตัวเองตลอดชีวิต"
คนเก่าแก'ของคุณปรียางค์ศรีได้แต่ทำตาปริบๆ ก่อนกระถดตัวและถอย ออกไป คุณพันธุรพีรอจนร่างท้วมก้าวพ้นออกไปจึงพูดขึ้น แว่นตากันแดด
"ปีบคงไม่ว่ายายนะที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อเราทุกคน คุณพี่คงไม่พอใจนักหรอก ถ้าคุ้มจะต้องตกไปเป็นของนายดิสธร ปีบก็รู้ว่าบ้านนั้นถังแตกกันทั้งบ้าน"
กาซะลองยิ้มเย็น ไม่ได้มีทีท่าว่าโกรธเคืองกับคำพูดของผู้เป็นยายเล็ก หญิงสาวเพียงแต่กล่าวเนิบๆ "นั่นมันไม่ใช่สาระสำคัญหรอกค่ะ มันสำคัญตรง ที่สมบัติของบรรพบุรุษ คนรุ่นเรารักษาไวไม่ได้ต่างหาก"
เหมือนกับจะตอกยาความเจ็บปวด กั๊มันจริงมิใช่หรือ สมบัติของบรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคนกลับต้องปล่อยให้หลุดหายไปในคนยุคนี้ มันเพราะอะไรหนอ ความโลภโมโทลัน กิเลสที่ไม่มีวันหมดของคนบางคน หรือเพราะความอ่อนแอ ของหล่อนเอง แว่นกันแดด
คุณพันธุรพีลากลับพร้อมกับความอิ่มเอมในใจ เรื่องที่คิดว่ายากจริงๆ แล้วกลับง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ไม่เพียงแต่จะไม่คัดค้าน กาซะลองกลับ ไม่มีท่าทางยินดียินร้ายเสียด้วยซํ้า บางทีสฤษด์คุณอาจจะดูคนผิด เอาเข้าจริง แล้วหลานสาวก็ไม่ได้รักผูกพันผู้เป็นพี่สักเท่าไร
เคลื่อนรถมาถึงประตูและสายตาคมกริบก็เห็นร่างบอบบางของเด็กสาวที่
แม่กลับมาบ้านด้วยความชื่นมื่น มันเป็นความรื่นรมย์ที่เขาไม่เห็นมานาน แล้วนับตั้งแต่ฐานะทางการเงินของแม่ยอบแยบลงทุกรัน นัยนตาฝัามัรมี^ระก'1ย แจมใสเหมือนนัยน์ตาเด็กลาวที่เพื่'งเจอะเจอ^ก^ฬม่ ทุกอย่างมั^คือความ ตนเต้นงดงาม คือความหวัง คือความฝัน การขายคุ้มภูคากาซะลองดูเหมือนจะ เป็นความหวังเพียงสิงเดียวที่จะทำให้สลานะทางการเงินของแม่กลับมาเหมือนเสิม
"เสร็จงานคุณป้าแล้ว แม่ว่าจะไปอยู่ต่างประเทศซักพักนะฤบด์ 1 ใม่ไหว ปวดหัวมานานแล้ว ขอพักนานๆ หน่อยเถอะ" เหมือนแม่จะรู้ว่าขืนอยู่ที่นี่ต่อไปคง ไมแคล้วการเป็นขี้ปากชาวบ้าน 'พี่สาวเสียไม่ทันไรจัดการขายทรัพย์สินเลร็จสรรพ' แว่นตา
มนเป็นสิงที่ทุกคนคาดไม่ถึงในสิงที่'กาซะลองต้ดสิน^จ อาจจะรรมกึงสัว ชองแม่เอง
"แม่ไม่แปลกใจบ้างหรือครับ ว่าทำไมปีบถึงตัดสินใจขายคุ้มอย่างง่"1ยๆ" นับเป็นครั้งแรกที่คุณพันธุรพีฉุกคิดขึ้นมาลึงลารตัดสินใจของหล'1นลาว
สฤษด์คุณพูดถูก บางทีอาจจะมีบางสิงเคลือบแคลงไว้ก็ได้ กาซะลอง^ซ่คน
ฉาบฉวย ความคิดความอ่านของหลานต้องมีเหดุผลเลมอ "แล้วฤษด์คิดว่ายัยปีบกำลังทำอะไร"
แว่นตา
อีกครั้งที่คำสร้อยหน้าซีด ไม่อยากเชื่อว่าสันบุญคุณ1Iรึยางค์ศรีแล้วทุกอย่าง มันจะง่ายดายถึงเพียงนี้ การตัด3นใจของคุณปีบเป็น3งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน มันง่ายเกินไป ทุกอย่างดูเหมือนจะง่ายเกินไป
กาซะลองผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เห็นสีหน้าคนเก่าแก่ของคุณปรียางค์ค่รื หล่อนก็พอจะเดาความรู้สืกออก มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแม้1แต่ตัว หล่อนเองว่าจะมีการขายคุ้มภูคากาชะลอง
"เสร็จงานศพคุณยายแล้ว ฉันจะรับแพรสาไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ว่า จะส่งให้แกเรียนต่อที่นั่น ส่วนป้าคำสร้อยถ้าอยากจะไปอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าไม่ ฉันจะให้เงินสักก้อน ไม่มากไม่มายอะไรหรอก แต่ถ้าไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ป้าก็จะมีเงินไว้ดูแลตัวเองตลอดชีวิต"
คนเก่าแก'ของคุณปรียางค์ศรีได้แต่ทำตาปริบๆ ก่อนกระถดตัวและถอย ออกไป คุณพันธุรพีรอจนร่างท้วมก้าวพ้นออกไปจึงพูดขึ้น แว่นตากันแดด
"ปีบคงไม่ว่ายายนะที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อเราทุกคน คุณพี่คงไม่พอใจนักหรอก ถ้าคุ้มจะต้องตกไปเป็นของนายดิสธร ปีบก็รู้ว่าบ้านนั้นถังแตกกันทั้งบ้าน"
กาซะลองยิ้มเย็น ไม่ได้มีทีท่าว่าโกรธเคืองกับคำพูดของผู้เป็นยายเล็ก หญิงสาวเพียงแต่กล่าวเนิบๆ "นั่นมันไม่ใช่สาระสำคัญหรอกค่ะ มันสำคัญตรง ที่สมบัติของบรรพบุรุษ คนรุ่นเรารักษาไวไม่ได้ต่างหาก"
เหมือนกับจะตอกยาความเจ็บปวด กั๊มันจริงมิใช่หรือ สมบัติของบรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคนกลับต้องปล่อยให้หลุดหายไปในคนยุคนี้ มันเพราะอะไรหนอ ความโลภโมโทลัน กิเลสที่ไม่มีวันหมดของคนบางคน หรือเพราะความอ่อนแอ ของหล่อนเอง แว่นกันแดด
คุณพันธุรพีลากลับพร้อมกับความอิ่มเอมในใจ เรื่องที่คิดว่ายากจริงๆ แล้วกลับง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ไม่เพียงแต่จะไม่คัดค้าน กาซะลองกลับ ไม่มีท่าทางยินดียินร้ายเสียด้วยซํ้า บางทีสฤษด์คุณอาจจะดูคนผิด เอาเข้าจริง แล้วหลานสาวก็ไม่ได้รักผูกพันผู้เป็นพี่สักเท่าไร
เคลื่อนรถมาถึงประตูและสายตาคมกริบก็เห็นร่างบอบบางของเด็กสาวที่
แม่กลับมาบ้านด้วยความชื่นมื่น มันเป็นความรื่นรมย์ที่เขาไม่เห็นมานาน แล้วนับตั้งแต่ฐานะทางการเงินของแม่ยอบแยบลงทุกรัน นัยนตาฝัามัรมี^ระก'1ย แจมใสเหมือนนัยน์ตาเด็กลาวที่เพื่'งเจอะเจอ^ก^ฬม่ ทุกอย่างมั^คือความ ตนเต้นงดงาม คือความหวัง คือความฝัน การขายคุ้มภูคากาซะลองดูเหมือนจะ เป็นความหวังเพียงสิงเดียวที่จะทำให้สลานะทางการเงินของแม่กลับมาเหมือนเสิม
"เสร็จงานคุณป้าแล้ว แม่ว่าจะไปอยู่ต่างประเทศซักพักนะฤบด์ 1 ใม่ไหว ปวดหัวมานานแล้ว ขอพักนานๆ หน่อยเถอะ" เหมือนแม่จะรู้ว่าขืนอยู่ที่นี่ต่อไปคง ไมแคล้วการเป็นขี้ปากชาวบ้าน 'พี่สาวเสียไม่ทันไรจัดการขายทรัพย์สินเลร็จสรรพ' แว่นตา
มนเป็นสิงที่ทุกคนคาดไม่ถึงในสิงที่'กาซะลองต้ดสิน^จ อาจจะรรมกึงสัว ชองแม่เอง
"แม่ไม่แปลกใจบ้างหรือครับ ว่าทำไมปีบถึงตัดสินใจขายคุ้มอย่างง่"1ยๆ" นับเป็นครั้งแรกที่คุณพันธุรพีฉุกคิดขึ้นมาลึงลารตัดสินใจของหล'1นลาว
สฤษด์คุณพูดถูก บางทีอาจจะมีบางสิงเคลือบแคลงไว้ก็ได้ กาซะลอง^ซ่คน
ฉาบฉวย ความคิดความอ่านของหลานต้องมีเหดุผลเลมอ "แล้วฤษด์คิดว่ายัยปีบกำลังทำอะไร"
แว่นตา
แพรสากับไอ้หน้าปลาจวดนั่น
"ไม'ทราบสิฮะ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับปีบ"
เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ไดIปที่คุ้มนั้น เหตุการณ์ที่เกิดกับไอ้หน้าปลาจวด ยังเจ็บแค้นอยู่มิหาย ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แพรสาไม่น่าทำอย่างนี้ จะมี3งใดบ้างที่ สามารถกำจัด 'มัน' ออกไปให้พ้นนอกเส้นทางได้ สิงที่ 'ลงทุน' ดูเหมือนจะไม่ เป็นดังที่หวัง ตัวเขาเองเสียอีกที่เกือบพลาดพลั้งเสียที
สายตาของเพื่อนเก่าดอกปีบบอกความฉงนสงสัยเมื่อมองดูหน้า 'ดิสธร1 เมื่อคืน แมIม่ปงบอกชัดเจนว่าจดจำได้แม่นยำแต่ก็แฝงความเคสือบแคสงอยู่ในที ยกมือขึ้นลูบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกชํ้าดำเขียว และคุณพันธุรพีก็หันมาเห็นเข้า พอดี
"อ้าว! แล้วหน้าไปโดนอะไรมาล่ะนั่น"
เป็นคำถามที่ถามไปอย่างนั้น เป็นข้อดีอีกอย่างของแม่ที่ไม่มีความละเอียด รอบคอบ'ในลิ''ง'ใด แม่เพียงแต่พยักหน้าเมื่อเขาให้เหตุผลว่ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่มีคำถามต่อ มีแต่เพียง 'ปัญหา' ที่ยังค้างคาใจแม่อยู่ตลอด
"ว่างๆ ก็แวะไปที่คุ้มบ้างสิ ไปเลียบๆ เคียงๆ ถามยยป็บด บอกตรงๆ พอแม่ได้ยินที่แกพูด แม่ก็คิดมากเหมือนกัน ปกติยัยปีบไม่น่าที่จะขายคุ้ม
อย่างง่ายๆ มีแผนอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้!"
เป็นสิ่งที่ต้องกลับมาคิดหนัก เรื่องที่คิดว่าง่ายกลับย่อเค้าความยุ่งยากขึ้น มารางๆ เหลือบตามองดูลูกชายก็เห็นแววตาเขามีเรื่องครุ่นคิดอยู่ตลอด ก็ไม่ รู้ว่ามีเรื่องคิดอะไรกันมากมาย ในเมื่อปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก็ยังขบคิดกันไม่ตก ตัดสินใจแหย่เรื่องนายดิสธรกับยัยเด็กนั่น บางทีอาจจะเป็นสิงช่วยกระตุ้นให้ ลูกชายอยากไปที่คุ้มภูคากาซะลองขึ้นมาบ้าง
แววตาของสฤษด์คุณเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด สิงที่หวั่นเกรงเริ่ม มีเค้าความจริง
แพรสากับไอ้หน้าปลาจวดนั่น แว่นตากันแดด
"นี่แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ายัยปีบมันจะทำยังไง ถ้าคนรักไปป้นใจให้คน อื่นโดยเฉพาะกับเด็กในบ้าน แม่ว่าฤษด์แวะไปดูปีบหน่อยก็ดี ยังไงยัยปีบก็ เป็นหลาน" รู้ว่าลูกอาจจะเจ็บแสนเจ็บ แต่ ณ เวลานี้ใจของกาซะลองเป็นสิ่งที่ อยากรู้มากกว่า หลานสาวคิดจะทำอะไรจะได้มีทางแก้ทางออก
เป็นบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ร่างกำยำสูงใหญ่มีเค้าของความเหนื่อย อ่อน เหมือนคนปวยที่ยังไม่แข็งแรง ใจคิดไปถึงสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่กับศกร คนที'กำลังตามหาอาจจะอยู่'ไม่ไกล
เหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวว่าถูกลอบมอง นายแพทย์สฤษด์คุณตะเบ็งเสียงลั่น "ปีบช่วยเอาคนของปีบไปไกลๆ หน่อยไดไหม ไม่รู้เป็นบ้าอะไรมาขวางทางอยู่ได้"
"น้าฤษด์ต้องการอะไรหรือคะ บอกให้ป้าคำสร้อยไปจัดการให้ก็ได้"
"น้าต้องการพบแพรสา" แว่นกันแดด
ชัดถ้อยชัดคำ คราวนี้ดูเหมือนนายแพทย์ใหญ่จะปิดบังความรู้สีกไวไม่ได้ ท่าทางเหมือนคนบ้า ดูก็รู้ว่ากำลังอยู่ในอาการหึงหวง อารมณ์อย่างนี้รังแต่จะทำให้ พังกับพัง
กาซะลองบุ้ยใบ้ไปทางคนเก่าแก่ "ไปตามแพรสามาพบน้าฤษด์" "น้าจะไปหาเอง"
นํ้าเสียงเด็ดเดี่ยวบอกให้รู้ว่า ณ เวลานี้เอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่ เหลือบ มองไปทางป้าคำสร้อยก็เห็นทำหน้าจ๋อยพยายามบุ้ยใบ้บอกบางสิ่ง เพียงเห็น สายตาของฝ่ายนั้นกาซะลองก็เข้าใจ ก็คงมีอะไรบางอย่าง ป้าคำสร้อยถึงได้ ทัดทานไม่ให้เข้าไป
"อย่าลำบากเลยค่ะน้าฤษด์ ให้ป้าคำสร้อยไปตามแพรสามาดีกว่า น้าฤษด์ มาช่วยปีบดูเอกสารเถอะ คุณยายเล็กบอกว่าเผาคุณยายเมื่อไหร่จะเข้ามาจัดการ ขายทรัพย์สิน เราตรวจดูตอนนี้จะได้รู้ว่ามูลค่าทรัพย์สินมีเท่าไหร่" แว่นตา
อารมณ์หึงหวงมีมากกว่าสิ่งที่คุณพันธ์รพีบอกให้มาจัดการ มรดกทรัพย์สิน มันก็แค่ชองนอกกาย สิ่งที่เขาต้องการคือแพรสาต่างหาก นายแพทย์ใหญ่ตะเบ็ง เสียงลั่น
"จิตใจแกมันทำด้วยอะไรปีบ รู้บ้างมั้ยว่าตอนนี้ในบ้านมันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ดิสธรมันกำลังจะนอกใจ แกยังจะมานั่งตรวจทรัพย์สินบ้าบออยู่ได้" "น้าฤษด์พูดอะไรคะ ปีบว่าตอนนี้น้าฤษด์ใจเย็นๆ ดีกว่า" "ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว น้าจะบอกแกนะ ถ้าแกไม่ไล่แฟนแกกลับกรุงเทพฯ น้าจะฆ่ามันเอง"
"น้าฤษด์!" ได้แต่ยืนครางมองร่างสูงใหญ่เดินตุ่มไปที่ครัว ป้าคำสร้อยยิ่ง
แว่นกันแดด
เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ไดIปที่คุ้มนั้น เหตุการณ์ที่เกิดกับไอ้หน้าปลาจวด ยังเจ็บแค้นอยู่มิหาย ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แพรสาไม่น่าทำอย่างนี้ จะมี3งใดบ้างที่ สามารถกำจัด 'มัน' ออกไปให้พ้นนอกเส้นทางได้ สิงที่ 'ลงทุน' ดูเหมือนจะไม่ เป็นดังที่หวัง ตัวเขาเองเสียอีกที่เกือบพลาดพลั้งเสียที
สายตาของเพื่อนเก่าดอกปีบบอกความฉงนสงสัยเมื่อมองดูหน้า 'ดิสธร1 เมื่อคืน แมIม่ปงบอกชัดเจนว่าจดจำได้แม่นยำแต่ก็แฝงความเคสือบแคสงอยู่ในที ยกมือขึ้นลูบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกชํ้าดำเขียว และคุณพันธุรพีก็หันมาเห็นเข้า พอดี
"อ้าว! แล้วหน้าไปโดนอะไรมาล่ะนั่น"
เป็นคำถามที่ถามไปอย่างนั้น เป็นข้อดีอีกอย่างของแม่ที่ไม่มีความละเอียด รอบคอบ'ในลิ''ง'ใด แม่เพียงแต่พยักหน้าเมื่อเขาให้เหตุผลว่ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่มีคำถามต่อ มีแต่เพียง 'ปัญหา' ที่ยังค้างคาใจแม่อยู่ตลอด
"ว่างๆ ก็แวะไปที่คุ้มบ้างสิ ไปเลียบๆ เคียงๆ ถามยยป็บด บอกตรงๆ พอแม่ได้ยินที่แกพูด แม่ก็คิดมากเหมือนกัน ปกติยัยปีบไม่น่าที่จะขายคุ้ม
อย่างง่ายๆ มีแผนอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้!"
เป็นสิ่งที่ต้องกลับมาคิดหนัก เรื่องที่คิดว่าง่ายกลับย่อเค้าความยุ่งยากขึ้น มารางๆ เหลือบตามองดูลูกชายก็เห็นแววตาเขามีเรื่องครุ่นคิดอยู่ตลอด ก็ไม่ รู้ว่ามีเรื่องคิดอะไรกันมากมาย ในเมื่อปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก็ยังขบคิดกันไม่ตก ตัดสินใจแหย่เรื่องนายดิสธรกับยัยเด็กนั่น บางทีอาจจะเป็นสิงช่วยกระตุ้นให้ ลูกชายอยากไปที่คุ้มภูคากาซะลองขึ้นมาบ้าง
แววตาของสฤษด์คุณเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด สิงที่หวั่นเกรงเริ่ม มีเค้าความจริง
แพรสากับไอ้หน้าปลาจวดนั่น แว่นตากันแดด
"นี่แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ายัยปีบมันจะทำยังไง ถ้าคนรักไปป้นใจให้คน อื่นโดยเฉพาะกับเด็กในบ้าน แม่ว่าฤษด์แวะไปดูปีบหน่อยก็ดี ยังไงยัยปีบก็ เป็นหลาน" รู้ว่าลูกอาจจะเจ็บแสนเจ็บ แต่ ณ เวลานี้ใจของกาซะลองเป็นสิ่งที่ อยากรู้มากกว่า หลานสาวคิดจะทำอะไรจะได้มีทางแก้ทางออก
เป็นบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ร่างกำยำสูงใหญ่มีเค้าของความเหนื่อย อ่อน เหมือนคนปวยที่ยังไม่แข็งแรง ใจคิดไปถึงสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่กับศกร คนที'กำลังตามหาอาจจะอยู่'ไม่ไกล
เหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวว่าถูกลอบมอง นายแพทย์สฤษด์คุณตะเบ็งเสียงลั่น "ปีบช่วยเอาคนของปีบไปไกลๆ หน่อยไดไหม ไม่รู้เป็นบ้าอะไรมาขวางทางอยู่ได้"
"น้าฤษด์ต้องการอะไรหรือคะ บอกให้ป้าคำสร้อยไปจัดการให้ก็ได้"
"น้าต้องการพบแพรสา" แว่นกันแดด
ชัดถ้อยชัดคำ คราวนี้ดูเหมือนนายแพทย์ใหญ่จะปิดบังความรู้สีกไวไม่ได้ ท่าทางเหมือนคนบ้า ดูก็รู้ว่ากำลังอยู่ในอาการหึงหวง อารมณ์อย่างนี้รังแต่จะทำให้ พังกับพัง
กาซะลองบุ้ยใบ้ไปทางคนเก่าแก่ "ไปตามแพรสามาพบน้าฤษด์" "น้าจะไปหาเอง"
นํ้าเสียงเด็ดเดี่ยวบอกให้รู้ว่า ณ เวลานี้เอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่ เหลือบ มองไปทางป้าคำสร้อยก็เห็นทำหน้าจ๋อยพยายามบุ้ยใบ้บอกบางสิ่ง เพียงเห็น สายตาของฝ่ายนั้นกาซะลองก็เข้าใจ ก็คงมีอะไรบางอย่าง ป้าคำสร้อยถึงได้ ทัดทานไม่ให้เข้าไป
"อย่าลำบากเลยค่ะน้าฤษด์ ให้ป้าคำสร้อยไปตามแพรสามาดีกว่า น้าฤษด์ มาช่วยปีบดูเอกสารเถอะ คุณยายเล็กบอกว่าเผาคุณยายเมื่อไหร่จะเข้ามาจัดการ ขายทรัพย์สิน เราตรวจดูตอนนี้จะได้รู้ว่ามูลค่าทรัพย์สินมีเท่าไหร่" แว่นตา
อารมณ์หึงหวงมีมากกว่าสิ่งที่คุณพันธ์รพีบอกให้มาจัดการ มรดกทรัพย์สิน มันก็แค่ชองนอกกาย สิ่งที่เขาต้องการคือแพรสาต่างหาก นายแพทย์ใหญ่ตะเบ็ง เสียงลั่น
"จิตใจแกมันทำด้วยอะไรปีบ รู้บ้างมั้ยว่าตอนนี้ในบ้านมันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ดิสธรมันกำลังจะนอกใจ แกยังจะมานั่งตรวจทรัพย์สินบ้าบออยู่ได้" "น้าฤษด์พูดอะไรคะ ปีบว่าตอนนี้น้าฤษด์ใจเย็นๆ ดีกว่า" "ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว น้าจะบอกแกนะ ถ้าแกไม่ไล่แฟนแกกลับกรุงเทพฯ น้าจะฆ่ามันเอง"
"น้าฤษด์!" ได้แต่ยืนครางมองร่างสูงใหญ่เดินตุ่มไปที่ครัว ป้าคำสร้อยยิ่ง
แว่นกันแดด
โวยวายจนคนที่อยู่ภายใน
ยิ้มละมุนฉายขึ้นที่ใบหน้าเมื่อเห็นลูกชายผลุนผลันขับรถออกจากบ้านไป ที่สุดมันก็ต้องเป็นอย่างนี้ อารมณ์ความรู้สักเป็นสิงที่ฉาบฉวย ฐานะความมั่นคง ต่างหากเป็นสิงที่จะยืนยงอยู่เป็นนิรันดร์เเละเมื่อถึงวันนั้นสฤษด์คุณอาจจะเจ็บไม'นาน
เป็นอารมณ์ขึ้งเคียดที่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นไปได้ขนาดนี้ เรื่องที่แม่บอก ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสิงที่ตอกยํ้าใจให้เจ็บปวด ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้แพรสา เป็นของใคร ในเมื่อแพรสาเป็นของเขา หล่อนเป็นของเขา และต้องเป็นของเขา แต่เพียงผู้เดียว
เลี้ยวรถเข้าไปจอดในคุ้ม และป้าคำสร้อยที่กำลังงกๆ เงิ่นๆ เก็บดอกปีบ อยู่ก็แทบหัวใจวาย เมื่อนายแพทย์ใหญ่หยุดรถแทบจะชนกับตัวบ้าน ร่างสูงใหญ่ ก้าวลงมาจากรถในลักษณะหุนหัน ถามเสียงดัง
"แพรสาอยู่ไหน"
ได้แต่ตะกุกตะกัก พักหลังๆ ชักเห็นท่าทีแบบนี้บ่อย เริมแน่Iจแล้วกับ อาการหึงหวงของคุณหมอ นายแพทย์สฤษด์คุณตกหลุมรักเด็กแพรสาแน่นอน แต่จะบอก,!ค้อย่างโรว่าตอนนี้เด็กสาวที'คุณหมอหลงรักกำลังอยู่กันดามลำพังกับ ลูกชายท่านรัฐมนตรี
"ว่าไงป้า แพรสาอยู่ไหน"
ตะคอกถามซํ้า อาการของป้าคำสร้อยนั่นยิ่งทำให้เขาหวาดหวั่น คนเก่า คนแก่ของคุ้มเหมือนจะมีพิรุธ ท้ายสุดเมื่อปิดบังไม่ได้ก็จำต้องบอก "อยู่...อยู่ในครัวค่ะ"
เท่านั้นร่างสูงใหญ่ก็ทำท่าจะตรงดิ่งเข้าไปในครัว ป้าคำสร้อยรีบเข้าไปห้าม อย่างน้อยเป็นการถ่วงเวลาก็ยังดี ไม่อย่างนั้นคงไม่แคล้วเกิดเรื่องใหญ่ และนั่น ก็ยิ่งทำให้นายแพทย์สฤษด์คุณโมโห หนุ่มใหญ่เอะอะโวยวายจนคนที่อยู่ภายใน ต่างได้ยิน
กาซะลองสาวเท้าออกมาที่หน้าบ้าน เสียงเอะอะโวยวายทำให้ต้องละมือจาก การตรวจเอกสารบัญชีทรัพย์สินของคุณปรียางค์ศรี หญิงสาวเพียงแต่เก็บเข้า ลิ้นชักอย่างลวกๆ แล้วรีบออกมา ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ดวงหน้าเรียวได้แต่ ขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้นผู้เป็นน้าถึงได้ทำท่าเป็นหมาบ้าอย่างนี้
แต่สิ่งที่สะดุดตา ดวงหน้าขาวมีรอยฟกชํ้าดำเขียวอยู่ถ้วนทั่ว เหมือน
ลนลานบอกนายสาวเสียงสัน "เกิดเรื่องใหญ่แน่ค่ะคุณปีบ" แว่นตากันแดด
สินเสียงของผู้สูงวัยกว่า กาซะลองก็รีบสาวเท้าตามนายแพทย์สฤษด์คุณ ไปทันทีโดยมีป้าคำสร้อยวิ่งตามมาติดๆ
เหมือนใจจะเร็วกว่าเท้า แม้จะสาวเท้าเร็วเท่าไหร่ก็ช่างไม่ทันใจสักที ยิน เสียงร้องวี้ดว้ายของแพรสาดังลั่น และเมื่อไปถึงหญิงสาวก็เห็นบุรุษสองนายกำลัง ตะลุมบอนกันใหญ่ ร่างบางตรงเข้าไปห้าม แต่ดูเหมือนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ บุรุษ ทั้งคู่ต่างแลกหมัดกันนัวเนีย
"หยุดนะ! แพรบอกให้หยุด" แว่นกันแดด
ยินเสียงของเด็กสาวเหมือนยิ่งทำให้ไฟในใจนายแพทย์สฤษด์คุณเดือด พล่าน คิดถูกแล้วที่ตามมาเห็นให้ชัดกับตา แพรสากับไอ้หน้าปลาจวดกำลังอิง แอบชิดใกล้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นโรงครัว ปานนี้คงเตลิดกันไปถึงไหนต่อไหน นี่ก็ คงจะห่วงชู้รักถึงได้มาตะเบ็งเสียงร้องกรี๊ดๆ
กำหมัด^ดเปรี้ยงดั่งแรงพญาช้างสาร นาทีนั้นที่ดิสธรรู้สืกว่าโลกหมุนติ้ว ชา ไปทั้งหน้า สัมผัสเหมือนนํ้าอุ่นๆ ไหลออกมาเต็มปากเต็มจมูก เอามือปาดดูก็ เห็นเลือดสดๆ สีแดงคลํ้าแตกพลั่ก เพียงเท่านั้นลูกชายท่านรัฐมนตรีก็คอพับ คออ่อนทำท่าเหมือนสติไม่สมประดี แต่ขนาดนั้นก็ยังชี้มือเร่าๆ ไปทางนายแพทย์ สฤษด์คุณอย่างโกรธจัด กล่าวอาฆาตมาดร้ายด้วยถ้อยคำรุนแรง ก่อนจะคอพับ คออ่อนไปจริงๆ
แพรสารีบวิ่งเข้าไปประคอง และนั่นก็เหมือนเป็นจุดที่ทำให้อารมณ์หึงหวง พุ่งขึ้นถึงขีดสุด
"ห่วงมันนักใช่มั้ยแพร" แว่นตา
นั้าเสียงร้าวรานบ่งบอกความร้าวลึก นาทีนั้นแพรสาไม่ได้สนใจ หล่อนรู้แต่ เพียงว่าคุณหมอเหมือนอันธพาลไIเหตุผลสันดี เด็กสาวจ้องหน้าสบดวงตาแข็งกร้าว ไม'หวาดหวั่น
"ใช่! แพรเกลียดคุณหมอ เกลียดที่สุด"
"แพร แพรพูดออกมาได้ยังไง แพรเป็นเมียฉันนะ ฉันรักแพร"
"แต่แพรเกลียดคุณหมอ ได้ยินมั้ย แพรเกลียดคุณหมอ แพรรักคุณดิสธร"
แว่นตากันแดด
เป็นอารมณ์ขึ้งเคียดที่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นไปได้ขนาดนี้ เรื่องที่แม่บอก ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสิงที่ตอกยํ้าใจให้เจ็บปวด ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้แพรสา เป็นของใคร ในเมื่อแพรสาเป็นของเขา หล่อนเป็นของเขา และต้องเป็นของเขา แต่เพียงผู้เดียว
เลี้ยวรถเข้าไปจอดในคุ้ม และป้าคำสร้อยที่กำลังงกๆ เงิ่นๆ เก็บดอกปีบ อยู่ก็แทบหัวใจวาย เมื่อนายแพทย์ใหญ่หยุดรถแทบจะชนกับตัวบ้าน ร่างสูงใหญ่ ก้าวลงมาจากรถในลักษณะหุนหัน ถามเสียงดัง
"แพรสาอยู่ไหน"
ได้แต่ตะกุกตะกัก พักหลังๆ ชักเห็นท่าทีแบบนี้บ่อย เริมแน่Iจแล้วกับ อาการหึงหวงของคุณหมอ นายแพทย์สฤษด์คุณตกหลุมรักเด็กแพรสาแน่นอน แต่จะบอก,!ค้อย่างโรว่าตอนนี้เด็กสาวที'คุณหมอหลงรักกำลังอยู่กันดามลำพังกับ ลูกชายท่านรัฐมนตรี
"ว่าไงป้า แพรสาอยู่ไหน"
ตะคอกถามซํ้า อาการของป้าคำสร้อยนั่นยิ่งทำให้เขาหวาดหวั่น คนเก่า คนแก่ของคุ้มเหมือนจะมีพิรุธ ท้ายสุดเมื่อปิดบังไม่ได้ก็จำต้องบอก "อยู่...อยู่ในครัวค่ะ"
เท่านั้นร่างสูงใหญ่ก็ทำท่าจะตรงดิ่งเข้าไปในครัว ป้าคำสร้อยรีบเข้าไปห้าม อย่างน้อยเป็นการถ่วงเวลาก็ยังดี ไม่อย่างนั้นคงไม่แคล้วเกิดเรื่องใหญ่ และนั่น ก็ยิ่งทำให้นายแพทย์สฤษด์คุณโมโห หนุ่มใหญ่เอะอะโวยวายจนคนที่อยู่ภายใน ต่างได้ยิน
กาซะลองสาวเท้าออกมาที่หน้าบ้าน เสียงเอะอะโวยวายทำให้ต้องละมือจาก การตรวจเอกสารบัญชีทรัพย์สินของคุณปรียางค์ศรี หญิงสาวเพียงแต่เก็บเข้า ลิ้นชักอย่างลวกๆ แล้วรีบออกมา ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ดวงหน้าเรียวได้แต่ ขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้นผู้เป็นน้าถึงได้ทำท่าเป็นหมาบ้าอย่างนี้
แต่สิ่งที่สะดุดตา ดวงหน้าขาวมีรอยฟกชํ้าดำเขียวอยู่ถ้วนทั่ว เหมือน
ลนลานบอกนายสาวเสียงสัน "เกิดเรื่องใหญ่แน่ค่ะคุณปีบ" แว่นตากันแดด
สินเสียงของผู้สูงวัยกว่า กาซะลองก็รีบสาวเท้าตามนายแพทย์สฤษด์คุณ ไปทันทีโดยมีป้าคำสร้อยวิ่งตามมาติดๆ
เหมือนใจจะเร็วกว่าเท้า แม้จะสาวเท้าเร็วเท่าไหร่ก็ช่างไม่ทันใจสักที ยิน เสียงร้องวี้ดว้ายของแพรสาดังลั่น และเมื่อไปถึงหญิงสาวก็เห็นบุรุษสองนายกำลัง ตะลุมบอนกันใหญ่ ร่างบางตรงเข้าไปห้าม แต่ดูเหมือนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ บุรุษ ทั้งคู่ต่างแลกหมัดกันนัวเนีย
"หยุดนะ! แพรบอกให้หยุด" แว่นกันแดด
ยินเสียงของเด็กสาวเหมือนยิ่งทำให้ไฟในใจนายแพทย์สฤษด์คุณเดือด พล่าน คิดถูกแล้วที่ตามมาเห็นให้ชัดกับตา แพรสากับไอ้หน้าปลาจวดกำลังอิง แอบชิดใกล้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นโรงครัว ปานนี้คงเตลิดกันไปถึงไหนต่อไหน นี่ก็ คงจะห่วงชู้รักถึงได้มาตะเบ็งเสียงร้องกรี๊ดๆ
กำหมัด^ดเปรี้ยงดั่งแรงพญาช้างสาร นาทีนั้นที่ดิสธรรู้สืกว่าโลกหมุนติ้ว ชา ไปทั้งหน้า สัมผัสเหมือนนํ้าอุ่นๆ ไหลออกมาเต็มปากเต็มจมูก เอามือปาดดูก็ เห็นเลือดสดๆ สีแดงคลํ้าแตกพลั่ก เพียงเท่านั้นลูกชายท่านรัฐมนตรีก็คอพับ คออ่อนทำท่าเหมือนสติไม่สมประดี แต่ขนาดนั้นก็ยังชี้มือเร่าๆ ไปทางนายแพทย์ สฤษด์คุณอย่างโกรธจัด กล่าวอาฆาตมาดร้ายด้วยถ้อยคำรุนแรง ก่อนจะคอพับ คออ่อนไปจริงๆ
แพรสารีบวิ่งเข้าไปประคอง และนั่นก็เหมือนเป็นจุดที่ทำให้อารมณ์หึงหวง พุ่งขึ้นถึงขีดสุด
"ห่วงมันนักใช่มั้ยแพร" แว่นตา
นั้าเสียงร้าวรานบ่งบอกความร้าวลึก นาทีนั้นแพรสาไม่ได้สนใจ หล่อนรู้แต่ เพียงว่าคุณหมอเหมือนอันธพาลไIเหตุผลสันดี เด็กสาวจ้องหน้าสบดวงตาแข็งกร้าว ไม'หวาดหวั่น
"ใช่! แพรเกลียดคุณหมอ เกลียดที่สุด"
"แพร แพรพูดออกมาได้ยังไง แพรเป็นเมียฉันนะ ฉันรักแพร"
"แต่แพรเกลียดคุณหมอ ได้ยินมั้ย แพรเกลียดคุณหมอ แพรรักคุณดิสธร"
แว่นตากันแดด
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558
หวาดหวั่น แว่นตากันแดด
และเขา...ต้องช่วยหล่อน
ผู้กองหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้ที่มีโทรสัพท์จากคุ้มภูคากาซะลองมาตอนกลางดึก ปลายสายที่โทรมาหาไฝใช่คุณปรียางค์ศรีหรือหลานสาวคนโปรดที่ชื่อกาซะลอง แต่กลับกลายเป็นเด็กสาวแพรสา คนที่มองเขาด้วยสายตาแห่งความรักภักดีคนนั้น
หล่อนบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะปรึกษา รบกวนขอร้องให้ไปพบที่หลังคุ้ม ภูคากาซะลองคํ่าพรุ่งนี้ เดินวนเวียนคิดหนักเพราะยังไม'รู้ถึงเจตนาของอีกฝ่ายและ คำนึงไปถึงความเหมาะสม แต่คำพูดสุดท้ายที่แพรสาบอกยังก้องอยู่ในหู
'คุณศกต้องมานะคะ คุณศกเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยแพรได้1 เสียง ของหล่อนสันเครือบอกถึงความหวาดหวั่น แว่นตากันแดด
แพรสามีปัญหาอย่างหนัก เด็กสาวกำลังเดือดร้อนเรื่องอะไร
ตัดสินใจที่จะไปพบตามนัด แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ศรานตา ก็โทรมาหา
"แย่แล้วล่ะค่ะศก...จ่าเมฆ...จ่าเมฆเสียแล้ว ศกต้องมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยว นี้นะคะ" พยาบาลสาวละลํ่าละลักบอก แม้จะเห็นความเป็นความตายเป็นเรื่อง ธรรมดา แต่ก็อดใจหายไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้จ่าเมฆมีอาการกระเตื้องขึ้น แต่แล้วจู่ๆ ก็กลับทรุดหนักอย่างไม่รู้สาเหตุ
หญิงสาวเดินวนเวียนรอผู้กองหนุ่มอยู่ที่หน้าห้องคนปวยระยะวิกฤต ร้อนใจ เป็นที่สุดเพราะผู้กองหนุ่มเพิ่งบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับจ่าเมฆ
แม้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ด้วยหน้าที่และด้วยความรับผิดชอบ รู้สีกเหมือน ตัวเองกำลังทำงานบกพร่อง เหมือนนานแสนนานกว่าศกรจะมาถึง แต่ทันทีที่ ผู้กองหนุ่มมาที่โรงพยาบาลก็ได้รับคำตอบ
"ศกคะ เจ้าหน้าที่เพิ่งเอาศพจ่าเมฆไปเก็บแล้วค่ะ เมื่อกี้นี้เอง"
ศรานตาแลเห็นดวงตาเข้มมีความเคร่งเครียดอย่างเด่นชัด ศกรขบกราม แน่นเหมือนกำลังใช้ความคิด ชั่วครู่จึงได้บอก แว่นกันแดด
"ผมขอดูศพจ่าเมฆ"
"ค่ะ อุ๊จะพาไป พี่คะ" หันไปพูดกับพยาบาลรุ่นพี่ที่เข้าเวร "อุ๊ขออนุญาต พาผู้กองศกรไปดูศพจ่าเมฆนะคะ"
"ไม่ได้นะคะคุณอุ๊ คุณหมอลังไว้ว่าจ่าเมฆเกิดติดเชื้ออย่างรุนแรง ไม่ควร
จะเร่งให้เขาเกิดความถวิลหา หนุ่มหน้าตี๋กระซิบเสียงแผ่ว
"ปล่อยทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ก็แค่...ขอจับมือเท่านั้น" บอกพลาง ยกมือนุ่มนิ่มนั้นขึ้นหมายจะจรดริมฝืปากลงไป แต่ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อปรากฏ มีบุคคลที่สาม
"ปล่อยแพรสาเดี๋ยวนี้!" เสียงแข็งเฉียบขาดที่ดังขึ้นมีผลให้แขกผู้มาเยือน ของคุ้มภูคากาซะลองหน้าซีดเผือด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร แพรสารีบ ฉวยโอกาสนั้นก้าวเดินหนี นึกสมนั้าหน้าหนุ่มชาวกรุงในใจ
ดี...ให้คุณปีบเอาเลือดชั่วออณ3ยบ้าง จะไดไม่ทำรุ่มร่ามอีก
"ปีบ....ผม..."
"ไม'ต้องพูดอะไร คุณไม่สมควรที่จะทำกิริยาแบบนี้กับเด็กของปีบ ใน บ้านของปีบ"
"ผม...ไม่ได้ตั้งใจ...แพรสา..."
"อย่ามาโทษเด็กของปีบ ปีบรู้นิสัยคุณดี" กาซะลองเน้นเสียง โกรธจน เลือดขึ้นหน้า นี่หรือคนที่เรียกตัวเองว่าชนชั้นสูง ยกตัวเองว่าอยู่เหนือกว่าคน
อื่น ที่'แท้จิตใจกลับตกตาชนิดที่ทำเรื่องน่าอดสูนั้Iด้
"พรุ่งนี้คุณต้องกลับกรุงเทพฯ!" "ปีบ...ผม"
"โดยไม่มีข้อแม้...พรุ่งนี้!" แว่นตา
ได้แต่ยืนเหงื่อกาฬแตกพลั่กพูดอะไรไม่ถูก กาซะลองเป็นคนเฉียบขาด แต่ไหนแต่ไรเขาย่อมรู้ดี หากไม่ขออ้อนวอนยืนกรานในความเป็นเพื่อน หล่อนก็ คงไม่สานสัมพันธ์ต่อ คราวนี้คงหมดโอกาสที่จะเริ่มใหม่ในเมื่อดวงตากลมโตมอง เขาอย่างอดสูใจ สีหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน ร่างระหงเดินหันหลัง กลับโดยไม่มีแม้แต่จะชายตามอง
ดิสธรยืนคอตก ใจคอเหี่ยวแห้ง ไม่เคยนึกว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้ เขากับกาซะลองต้องขาดจากกัน ชายหนุ่มเดินหน้าแห้งกลับที่พักโดยมีสายตา ของคนคนหนึ่งมองตาม
ทันทีที่ร่างสูงโปร่งลับตา คำสร้อยก็ทิ้งมือที่เลิกม่านหน้าต่างลง หญิงวัย กลางคนหันมาบอกเด็กสาวที่เดินถือหมอนใบหนึ่งเข้ามา
แว่นกันแดด
ผู้กองหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้ที่มีโทรสัพท์จากคุ้มภูคากาซะลองมาตอนกลางดึก ปลายสายที่โทรมาหาไฝใช่คุณปรียางค์ศรีหรือหลานสาวคนโปรดที่ชื่อกาซะลอง แต่กลับกลายเป็นเด็กสาวแพรสา คนที่มองเขาด้วยสายตาแห่งความรักภักดีคนนั้น
หล่อนบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะปรึกษา รบกวนขอร้องให้ไปพบที่หลังคุ้ม ภูคากาซะลองคํ่าพรุ่งนี้ เดินวนเวียนคิดหนักเพราะยังไม'รู้ถึงเจตนาของอีกฝ่ายและ คำนึงไปถึงความเหมาะสม แต่คำพูดสุดท้ายที่แพรสาบอกยังก้องอยู่ในหู
'คุณศกต้องมานะคะ คุณศกเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยแพรได้1 เสียง ของหล่อนสันเครือบอกถึงความหวาดหวั่น แว่นตากันแดด
แพรสามีปัญหาอย่างหนัก เด็กสาวกำลังเดือดร้อนเรื่องอะไร
ตัดสินใจที่จะไปพบตามนัด แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ศรานตา ก็โทรมาหา
"แย่แล้วล่ะค่ะศก...จ่าเมฆ...จ่าเมฆเสียแล้ว ศกต้องมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยว นี้นะคะ" พยาบาลสาวละลํ่าละลักบอก แม้จะเห็นความเป็นความตายเป็นเรื่อง ธรรมดา แต่ก็อดใจหายไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้จ่าเมฆมีอาการกระเตื้องขึ้น แต่แล้วจู่ๆ ก็กลับทรุดหนักอย่างไม่รู้สาเหตุ
หญิงสาวเดินวนเวียนรอผู้กองหนุ่มอยู่ที่หน้าห้องคนปวยระยะวิกฤต ร้อนใจ เป็นที่สุดเพราะผู้กองหนุ่มเพิ่งบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับจ่าเมฆ
แม้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ด้วยหน้าที่และด้วยความรับผิดชอบ รู้สีกเหมือน ตัวเองกำลังทำงานบกพร่อง เหมือนนานแสนนานกว่าศกรจะมาถึง แต่ทันทีที่ ผู้กองหนุ่มมาที่โรงพยาบาลก็ได้รับคำตอบ
"ศกคะ เจ้าหน้าที่เพิ่งเอาศพจ่าเมฆไปเก็บแล้วค่ะ เมื่อกี้นี้เอง"
ศรานตาแลเห็นดวงตาเข้มมีความเคร่งเครียดอย่างเด่นชัด ศกรขบกราม แน่นเหมือนกำลังใช้ความคิด ชั่วครู่จึงได้บอก แว่นกันแดด
"ผมขอดูศพจ่าเมฆ"
"ค่ะ อุ๊จะพาไป พี่คะ" หันไปพูดกับพยาบาลรุ่นพี่ที่เข้าเวร "อุ๊ขออนุญาต พาผู้กองศกรไปดูศพจ่าเมฆนะคะ"
"ไม่ได้นะคะคุณอุ๊ คุณหมอลังไว้ว่าจ่าเมฆเกิดติดเชื้ออย่างรุนแรง ไม่ควร
จะเร่งให้เขาเกิดความถวิลหา หนุ่มหน้าตี๋กระซิบเสียงแผ่ว
"ปล่อยทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ก็แค่...ขอจับมือเท่านั้น" บอกพลาง ยกมือนุ่มนิ่มนั้นขึ้นหมายจะจรดริมฝืปากลงไป แต่ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อปรากฏ มีบุคคลที่สาม
"ปล่อยแพรสาเดี๋ยวนี้!" เสียงแข็งเฉียบขาดที่ดังขึ้นมีผลให้แขกผู้มาเยือน ของคุ้มภูคากาซะลองหน้าซีดเผือด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร แพรสารีบ ฉวยโอกาสนั้นก้าวเดินหนี นึกสมนั้าหน้าหนุ่มชาวกรุงในใจ
ดี...ให้คุณปีบเอาเลือดชั่วออณ3ยบ้าง จะไดไม่ทำรุ่มร่ามอีก
"ปีบ....ผม..."
"ไม'ต้องพูดอะไร คุณไม่สมควรที่จะทำกิริยาแบบนี้กับเด็กของปีบ ใน บ้านของปีบ"
"ผม...ไม่ได้ตั้งใจ...แพรสา..."
"อย่ามาโทษเด็กของปีบ ปีบรู้นิสัยคุณดี" กาซะลองเน้นเสียง โกรธจน เลือดขึ้นหน้า นี่หรือคนที่เรียกตัวเองว่าชนชั้นสูง ยกตัวเองว่าอยู่เหนือกว่าคน
อื่น ที่'แท้จิตใจกลับตกตาชนิดที่ทำเรื่องน่าอดสูนั้Iด้
"พรุ่งนี้คุณต้องกลับกรุงเทพฯ!" "ปีบ...ผม"
"โดยไม่มีข้อแม้...พรุ่งนี้!" แว่นตา
ได้แต่ยืนเหงื่อกาฬแตกพลั่กพูดอะไรไม่ถูก กาซะลองเป็นคนเฉียบขาด แต่ไหนแต่ไรเขาย่อมรู้ดี หากไม่ขออ้อนวอนยืนกรานในความเป็นเพื่อน หล่อนก็ คงไม่สานสัมพันธ์ต่อ คราวนี้คงหมดโอกาสที่จะเริ่มใหม่ในเมื่อดวงตากลมโตมอง เขาอย่างอดสูใจ สีหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน ร่างระหงเดินหันหลัง กลับโดยไม่มีแม้แต่จะชายตามอง
ดิสธรยืนคอตก ใจคอเหี่ยวแห้ง ไม่เคยนึกว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้ เขากับกาซะลองต้องขาดจากกัน ชายหนุ่มเดินหน้าแห้งกลับที่พักโดยมีสายตา ของคนคนหนึ่งมองตาม
ทันทีที่ร่างสูงโปร่งลับตา คำสร้อยก็ทิ้งมือที่เลิกม่านหน้าต่างลง หญิงวัย กลางคนหันมาบอกเด็กสาวที่เดินถือหมอนใบหนึ่งเข้ามา
แว่นกันแดด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)