วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ปานนี้หล่อนก็คงจะเข้ากรุงเทเฉิดฉายเป็นดาว

ซ้วยสวย ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าตอนเด็กๆ ยังถูกล้ออยู่เลยว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่" ป้าเสียงขบขัน เพราะตอนยังเด็กแม่ลูกเป็ดขี้เหร่ช่างขี้เหร่สมชื่อ ตัวผอมแห้งแขนขา ยาวเก้งก้าง หากเทียบกับหล่อนที่เป็นดาวโรงเรียนก็ไม่^™สามารถเทียบได้ สักนิด นี่ถ้าหากว่าพ่อไม่บังคับไเรียนพยาบาลเพื่อมาช่วยดู"ล^คหัวโจของท่าน แว่นตากันแดด
ปานนี้หล่อนก็คงจะเข้ากรุงเทเฉิดฉายเป็นดาว8งคมข่มแม่นั่นไบ่แส้ว
ศรานตาช้อนสายตามองดูผู้กองหนุ่มอย่างแอบจับสังเกต  เขาจะรู้สืก
อย่างไรกับกาซะลอง เขาจะเสียดายมั้ยที่แม่ลูกเป็ดขี้เหร่คนนั้นตอนนี้กลายเป็น
หญิงสาวแสนสวยชื่อเสียงโด่งดัง เพราะเคยได้ยินมาบ้างว่าตอนเด็กๆ ทั้งคู่ถูกจับคู่กัน แต่ก็ใจชิ้นขึ้นมาหน่อยเมื่อศกรยังคงตอบราบ1■รียบ "ก็...ตอนเด็กๆ  เป็นยังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นครับ" "งั้น...นัดทานข้าวกันหน่อยดีมั้ยคะ จะได้คุยกันให้ชุ่มปอด อุ๊เองก็คิดถึงปีบ
อยู่เหมือนกัน" อดเสนอไม่ได้ อย่างน้อยหล่อนเองน่าจะได้เห็นถับ®า ไม่งั้นศกรจะ
แวะไปหาคุณปรียางค์?1รีทำไมบ่อยๆ นอกจากไปถามข่าวคราวของ™ปี®ง 1 "เอางั้นหรือครับ" ผู้กองหนุ่มลังเล มันจะดีหรือ เพราะไม่มีครั้ง1หนที่แม่
ลูกเป็ดขีไหร่คนนั้นจะยอมพูดจาดีๆ กับเขา ดี1มดคราวนี้อาจจะIดนหนักหาก พ่วงใครไปอีกคน
"ดีมั้ยคะ" เอ่ยเสียงหวานด้วยท่าทางกระตือรีอร้นที่จะไปเจอ ศกรหันมา มองใบหน้าหวาน ความอ่อนเชื่อมในสายตาท่าให้คร้านที่จะปป็เสธ ศรานตามี คุณสมบัติพิเศษอยู่อย่างคือหล่อนมักไม่ยอมแพ้อ^รโดย^าย หากไม่ท่าตามก็ คงต้องมองตาหวานๆ อีกนาน แว่นตา
ตัดสินใจท่าตาม แต่ชักไม่มั่นใจเหมือนกันว่าที่ตอบตกลงเป็นเพราะ ศรานตาหรือเพราะ...อยากไปเจอลูกเป็ดขี้เหร่ศนนั้นกัน1-เน่1
กาซะลองอดนึกแปลกใจไม่ได้เมื่อศรานตาโทรมาหา ฝ่ายนั้นทักทายตาม มารยาทก่อนบอก
"ทานข้าวกันหน่อยนะปีบ จะได้คุยกัน" แว่นกันแดด
"ได้สิ เมื่อไหร่ล่ะอุ๊" เอ่ยปากถามทั้งที่ใจจริงยังนึกสงสัย มานัดทานข้าวทำ1ม ในเมื่อปกติสมัยเรียนก็ไ&ได้สนิทถัน ศรานตาหัวเราะร่วนมากับสายเสียงหวานเชื่อม
คนที่คลีนิกไม่ค่อยมี" สฤษด์คุณอธิบายต่อ ดวงตาฉายแววเหนื่อยหน่าย
"แล้วงานที่บริษัทฤษด์ล่ะ" พันธุรพีเอ่ยถาม ยังพอมีความหวังอยู่บ้างเพราะ กิจการส่งออกของเด็กเล่นปีหนึ่งๆ ทำเงินให้บุตรชายไม่น้อย สฤษด์คุณมี พรสวรรค์ในการออกแบบและประดิษฐ์ของเล่นแปลกๆ ให้โดนใจเด็ก เพราะ ไปดูงานต่างประเทศบ่อยเลยมีไอเดียไม่ชํ้าแบบใคร คิดอย่างง่ายๆ เงินไม่กี่แสน ยังไงก็น่าจะมี
"เศรษฐกิจยังฟุบฮะ แล้วยังอยู่ในช่วงเปิดเทอมอีก ยอดขายตกลงไปมาก ผมต้องเอาเงินที่เหลือไปหมุน"
คุณพันธุรพีหน้าซีดด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบนี้จากลูกชาย นายแพทย์ สฤษด์คุณพยายามไม่มองหน้ามารดา นึกเหนื่อยหน่าย...แม่น่าจะรู้ว่าอะไรเป็น
อะไร การทำตัวหรูหราฟุมเVเอยมันไม่ต่างอะไรกับการค่อยๆ กัดแทะเนื้อตัวเอง ชายหนุ่มขอตัวขึ้นห้องเปลี่ยนเสือผ้าไปรับเวรต่อที่โรงพยาบาล พอไปถึงกั๊เจอ ศรานตายีนหน้าแฉล้ม
"วันนี้มาเร็วจังค่ะคุณหมอ"
เร็วที่ว่าก็เกือบเที่ยงคืน หล่อนยิ้มหวานทักด้วยนี้าเสียงใสกังวาน ผู้หญิง คนนี้สวย ดูอย่างไรก็สวยหวานไปทั้งตัว ไม่เหมือนทนายดำรงที่เป็นพ่อสักนิด ฝ่ายนั้น ดูดุเขี้ยวไม่น่าคบหา แตกต่างกับศรานตาที่พร้อมจะเป็นมิตรกับทุกคน หากไม่เลือก มาสวมหมวกขาว  หล่อนอาจเข้าวงการบันเทิงเป็นดารานางแบบได้สบาย
"อยากรีบมาดูจ่าเมฆน่ะ   อาการเป็นยังไงบ้าง"   เขาเอ่ยถามพลางหยิบ เสือคลุมกันเชื้อมาสวม   ศรานตารีบกุลีกุจอยื่นแฟ้มรายงานให้พลางบอก
"ดีขึ้นค่ะ รู้สีกตัวเป็นช่วงๆ แต่ยังหายใจเองไม่ได้ ต้องให้ออกซิเจนช่วยอยู่ นี่ผู้กองศกรก็แวะมาดูนะคะ อุ๊อนุญาตเป็นพิเศษ เพราะตอนกลางวันเห็นผู้กองไม,ว่าง" บอกอย่างสนิมสนม แววตาฉายประกายแห่งความพึงใจเปิดเผย ซึ่งไม่แปลกเพราะ เท่าที่รู้ ศกรและศรานตารู้จักกันตั้งแต่เด็ก อาจจะมากกว่าที่กาซะลองรู้จักด้วยซํ้า อย่างน้อยตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ในจังหวัดเดียวกัน ไม่เหมือนกับหลานสาว กาซะลอง ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองกรุงจนเพื่อนฝูงแทบจะลืมหน้าหากไม่ใช่ดารานักแสดงชื่อดัง
สาวเท้ายาวๆ ไปที่ห้องคนปวยขั้นวิกฤตโดยมีศรานตาเดินตาม พอไปถึง ก็เห็นผู้กองหนุ่มกำลังพยายามพูดคุยกับคนไข้
แว่นตา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น