วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

มันเป็นความผิดของวิศิษฐ์

เวลามีปัญหาผิดพลาดในการทำงานขึ้นมา สิ่งที่มักได้ยิน ตามหลังจากคนทำงานก็คือ
"ไม่ไหวครับ วัตถุดิบมาไม่ทน จะผลิตทันได้ยังไง"
หรือว่า "จำเป็นจริง ๆ ครับ ลูกน้องผมท้องเสียทั้งแผนก ลา หยุดกันเกือบหมด ผมไม่มีปัญญาทำเองคนเดียวหรอก"
หรือว่า "มันเป็นความผิดของวิศิษฐ์ เลินเล่อไปหน่อย วัสดุ สูญเสียจึงมีมาก"
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำแก้ตัวทั้งนั้นครับ แว่นกันแดด
จะแก้ตัวยังไงก็ตาม ความผิดพลาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เรียกคืน ก็ไม่ได้บางคนไม่หยุดอยู่เพียงวงแคบ กลับพูดคำแก้ตัวนึ้ใปถึงคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเพื่อดึงตัวเองออกมาจากความผิดพลาด
ทางที่ดีกว่าคือการมุ่งหน้าแกไข ไม่ใช่มุ่งแก้ตัว
ความผิดพลาดบางอย่าง ก่อนที่จะปรากฏผลผิดพลาด มักจะมี การตั้งเค้ามาก่อนให้สามารถคาดคะเนได้
เช่นลูกค้าที่จ่ายเช็คคืนม่อย ๆ อย่างนี้ก็ด้องรีบหาทางตัดเครดิต ไม่ส่งของให้จนกว่าจะชำระเงินที่ค้างเรียบร้อยเสียก่อนเรียกว่าตัดไฟเสีย แต่ตันลม ไม่ใช่เห็นเค้าอย่างนี้แล้ว ก็ยังยอมตามใจลูกค้าไปหมดทั้งๆ ที่มีลางบอกเหตุไม่ดีอย่างที่ว่า แว่นตากันแดด
ผมได้พบได้ร่วมงานก้บคนมามากพอสมควร ทั้งงานธุรกิจและ งานทางสังคม
ในชีวิตได้พบคนบางคนครับที่มีความเชื่อมั่นตนเองสูงมาก สูง ชนิดที่ไม่ยอมฟังใคร หรือแม้จะฟังแต่ก็ยืนกรานความเห็นของตนอย่าง เด็ดขาด บางครั้งความเห็นก็ถูกต้อง บางครั้งความเห็นก็ไม่ถูกต้อง ข้อพิสูจน์ความถูกต้องหรือไม่ก็คือผลแห่งการปฏิบัติครับ แว่นตา
คนที่ยืนกรานความเห็นของตน จึงต้องมีวิธีปฎิบตต่อเขาครับ ถ้าหากพบว่าความเห็นนั้นไม่ถูกต้อง วิธีพูด วิธีแนะนำอย่างเดียว บางที ยังมองไม่เห็นภาพ ยังรู้สึกเลื่อนลอยอยู่
ถ้าเป็นเรื่องที่จะนำผลเสียหายใหญ่หลวงมาให้ ก็คงต้อง ใช้อำนาจบังตับกัน ถ้าหากเขาไม่ยอมเชื่อฟัง แต่ถ้าเป็นความเห็นที่ ไม่ก่อผลเสียหายมากนก ก็ลองปล่อยให้เขาทำไป ให้เขาชนข้างฝา ด้วยตัวของเขาเอง การที่ต้องชนข้างฝาย่อมต้องเจ็บตัว ซึ่งจะเป็น บทเรียนที่ดีกว่าอะไรอื่น
เพราะยังไม่ชนข้างฝา ก็ยังไม่รู้สึกตัว
คนโดยทั่วไปเป็นคนมีเหตุปีผล ถ้ามีวิธีการแนะนำชี้แจงในทาง สร้างสรรค์และด้วยจิตใจถนอมรัก
วิธีนี้จึงใชไต้กับคนบางคนเท่านั้นครับ และไม่ใช่จะใช้ไต้ม่อย ๆ นาน ๆ ใช้ครั้งหนึ่ง ใช้ม่อยเข้าจะเสียเวลา เสียกำลังคนอื่นที่จะต้อง
แว่นตา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น